
“ประธานาธิบดีสหรัฐ” ตำแหน่งหน้าที่ทางการเมืองที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลก สามารถกำหนดชะตาของประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่ง ที่มีผลต่อโลกภาพรวมของโลกใบนี้ทั้ง เศรษฐกิจ การค้า การเมืองระหว่างประเทศ การทหารและความมั่นคง รวมทั้งเทคโนโลยี และมนุษยธรรม และเมื่อบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งสิ้นสุดวาระลงแล้วย่อมได้รับสวัสดิการ สิทธิพิเศษ รวมทั้งการปฏิบัติตามกฎระเบียบต่างๆ มันคงต้องไม่ธรรมดาแน่นอน อาจไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่ใครจะสามารถจินตนาการว่าอดีตผู้นำสหรัฐจะสามารถกลับไปใช้ชีวิตแบบบุคคลทั่วไปได้หรือไม่
นี่เป็นข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับสิ่งที่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐจะมีสิทธิ์ได้ ไม่มีสิทธิ์ได้ สิ่งที่ให้ทำ และห้ามทำ รวมทั้งเกีรยติยศ ชื่อเสียง สวัสดิการด้ายความปลอดภัย และสิทธิประโยชน์บางประการที่สอดคล้องกับแผนการเกษียณอายุหลังดำรงตำแหน่ง
รัฐบัญญัติอดีตประธานาธิบดี (The Former Presidents Act)
ก่อนที่สภาคองเกรสจะผ่านร่างรัฐบัญญัติอดีตประธานาธิบดีในปี 2501 อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาส่วนใหญ่ จะได้กลับไปใช้ชีวิตส่วนตัวแบบที่ตัวเองต้องการเมื่อพวกเขาพ้นจากตำแหน่ง เช่น “จอร์จ วอชิงตัน” มีความสุขกับอาชีพการกลั่นวิสกี้ที่ร่ำรวยในเมาท์ เวอร์นอนของเขา “วิลเลียมส์ โฮเวิร์ดแทฟต์” ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งศาลฎีกา และ “ธีโอดอร์ รูสเวลต์” หันมาเขียนหนังสือสารคดี
แต่หลังจากนั้นมีการออกกฎระเบียบ และสวัสดิการให้กับอดีตผู้นำสหรัฐใหม่ เพื่อความสมเกียรติ และรักษาความปลอดภัยต่อทั้งตัวบุคคลและความลับทางราชการบางอย่าง ดังนั้นมันจึงมีสวัสดิการและกฎระเบียบที่ต้องไม่ธรรมดา เพื่อตำแหน่งที่ไม่ทำธรรมดานี้

เงินบำนาญตลอดชีพ
อดีตประธานาธิบดีจะได้รับเงินบำนาญปีละ 220,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 6.6 ล้านบาท ตลอดชีพ เทียบเท่ากับเงินเดือนของพนักงานระดับผู้บริหารระดับ 1 แต่หากถึงแก่กรรมก่อนคู่สมรส คู่สมรสจะได้รับบำนาญปีละ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6 แสนบาท เว้นแต่ว่าคู่สมรสได้รับบำนาญจากแหล่งอื่นที่ได้สูงกว่านี้ ก็จะไม่ได้รับเงินในส่วนนี้ เงินบำนาญนี้จะได้รับการยกเว้นในกรณีที่ประธานาธิบดีลาออกก่อนครบวาระ หรือ ถูกถอดถอนจากตำแหน่ง
ทั้งนี้อดีตประธานาธิบดีในยุคหลังๆ มักจะมีรายได้มาจากแหล่งอื่นๆ มากมาย โดยส่วนใหญ่ได้รับจากการถูกเชิญไปบรรยายในที่ต่างๆ และจากการเขียนหนังสือชีวประวัติ ซึ่งรายได้จากส่วนนี้มากกว่าเงินบำนาญอยู่มากโข เช่น อดีตประธานาธิบดี “บิล คลินตัน” หลังจากพ้นตำแหน่งมีรายได้จากงานอื่นๆ มากถึง 75 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.1 พันล้านบาท โดยขณะที่ดำรงตำแหน่งมีเงินเดือนอยู่ที่ปีละ 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 12 ล้านบาท

การคุ้มครองหน่วยสืบราชการลับตลอดชีพ
แม้จะไม่ได้เป็นประธานาธิบดีแล้ว แต่ก็ยังสามารถเป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับผู้ลอบทำร้ายได้ หนึ่งในสิทธิประโยชน์ที่สำคัญที่สุดที่มีให้คือ การคุ้มครองตลอดชีวิตโดย หน่วยสืบราชการลับ (Secret Service) ซึ่งดูแลครอบคลุมไปถึงคู่สมรสและทายาทที่อายุไม่ถึงเกิน 16 ปี สิทธิพิเศษนี้จะมีให้โดยสมบูรณ์ตามความต้องการของอดีตประธานาธิบดีเอง และสามารถยกเลิกสิทธิ์ได้ภายหลังเช่น “ริชาร์ด นิกสัน” ที่ได้ยกเลิกการคุ้มครองจากหน่วยสืบราชการลับหลังจากพ้นตำแหน่งไปแล้วถึง 11 ปี
ห้ามขับรถบนถนนสาธารณะ
หากคุณรักการขับรถบนท้องถนน คุณอาจไม่ควรที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ เพราะขณะดำรงตำแหน่งจะต้องอยู่ในรถหุ้มเกราะหนาเป็นพิเศษทุกครั้งที่เดินทางอยู่บนถนนสาธารณะ พร้อมขบวนรถผู้ติดตาม รถของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และรถนำขบวนที่ล้อมหน้าล้อมหลัง ข้อจำกัดนี้ยังคงดำเนินต่อไปแม้จะสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งแล้วก็ตาม โดยอดีตประธานาธิบดีและแม้แต่รองประธานาธิบดีซึ่งใช้ประโยชน์จากการคุ้มครองของหน่วยสืบราชการลับถาวร พวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ขับรถบนถนนสาธารณะเอง และเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับที่ได้รับการฝึกฝนในการขับรถหลบหลีกจะเป็นผู้ขับรถให้แทน
ในปี 2560 “จอร์จ ดับเบิลยู บุช” เปิดเผยว่าเขาไม่ได้ขับรถบนถนนสาธารณะด้วยตัวเองมาเกือบ 25 ปีแล้ว
การรับข้อมูลบรรยายสรุปความปลอดภัยรายวัน
เมื่อคุณเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา คุณสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นความลับที่รวบรวมโดยหน่วยข่าวกรองของประเทศ ตามมารยาทอดีตผู้บัญชาการสูงสุดยังคงได้รับสิทธิ์เข้าถึงการบรรยายสรุปด้านความปลอดภัยประจำวัน เมื่อพวกเขาออกจากตำแหน่งภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน การที่อดีตประธานาธิบดีจะได้รับอนุญาตให้รับฟังการบรรยายสรุปซึ่งรวมถึงข้อมูลที่เป็นความลับเกี่ยวกับสถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศนั้นขึ้นอยู่กับดุลพินิจประธานาธิบดีปัจจุบันที่ดำรงตำแหน่ง
อนุญาตให้บันทึกการสื่อสารทั้งหมดทุกช่องทาง
กฎที่น่ารำคาญนี้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบัญญัติอดีตประธานาธิบดี ค.ศ. 1978 ซึ่งผ่านมาหลังจากเรื่องอื้อฉาว “วอเตอร์เกต” (เหตุอื้อฉาวทางการเมืองระหว่างช่วงต้นคริสต์ทศวรรษที่ 1970 ในสหรัฐอเมริกา เป็นเหตุการณ์สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ลักลอบโจรกรรมสำนักงานใหญ่ของพรรคเดโมแครต ณ อาคารวอเตอร์เกตคอมเพลกซ์ในกรุงวอชิงตัน ดีซี) การสื่อสารอย่างเป็นทางการทุกชิ้นที่มาจากประธานาธิบดีในช่วงที่ดำรงตำแหน่งจะต้องถูกเก็บรักษาเก็บถาวร และเปิดเผยต่อสาธารณะ 5 ปีหลังจากการสิ้นสุดการดำรงตำแหน่ง
ตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมากฎหมายฉบับนี้ได้รวมการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับภารกิจอย่างเป็นทางการด้วย ซึ่งเป็นเหตุผลว่า ทำไมบัญชีอีเมลส่วนตัวจึงเป็นสิ่งที่ไม่มีสำหรับประธานาธิบดี

จ่ายค่าธรรมเนียมเองหากต้องการรับการประกันสุขภาพของรัฐบาล
เชื่อหรือไม่ว่าอดีตประธานาธิบดีไม่มีสิทธิ์ได้รับการประกันสุขภาพตลอดชีพโดยอัตโนมัติ ผลประโยชน์ดังกล่าวมอบให้เฉพาะผู้ที่ดำรงตำแหน่งผู้บริหารของรัฐบาลกลางเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าประธานาธิบดีที่พ้นจากตำแหน่งแล้วจะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลของตนเอง
ห้ามเดินทางไปไหนมาไหนคนเดียว
ในกรณีที่คุณไม่ได้สังเกตเห็นความเป็นส่วนตัวเป็นอดีตของประธานาธิบดีทั้งในปัจจุบันและในอดีต “โจนาธาน แวคโรล” อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับบอกกับ NBC News ว่า หน่วยสืบราชการลับเป็น “สิ่งที่ล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวที่สุดที่ใครๆ ก็เคยสัมผัสได้” กล่าวคือให้จินตนาการว่า “คืนนี้ที่บ้านของคุณและมีคนแปลกหน้า 4 คนมาปรากฏตัวและพวกเขายืนอยู่รอบๆ ในห้องครัวของคุณ” และติดตามคุณไปทุกที่ ดังที่เราได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่า อดีตประธานาธิบดีสามารถปฏิเสธการคุ้มครองด้านความปลอดภัยตลอดชีวิตของเขาได้ นั่นจึงจะได้รับความเป็นส่วนตัวกลับคืนมา แต่ก็แลกกับความเสี่ยงสูงจากความไม่ปลอดภัยและการถูกลอบทำร้ายทุกเมื่อ
ห้ามดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี
เมื่อ “โจ ไบเดน” ได้รับการเสนอชื่อจากพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งปี 2020 มีเสียงพูดไปต่างๆ นาๆ ว่า เขาสามารถเลือก “บารัค โอบามา” มาเป็นเพื่อนร่วมงานในฐานะรองประธานาธิบดี แต่นั่นจะเป็นการละเมิดกฎการแก้ไขครั้งที่ 22 เนื่องจากรองประธานาธิบดีที่เคยเป็นอดีตผู้บัญชา 2 สมัย ของประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ควรถูกกันออกจากตำแหน่งรองประธานาธิบดี เพื่อป้องกันการแทรกแซงอำนาจการตัดสินใจ และที่สำคัญมันก็คือมารยาททางการเมืองและการให้เกียรติซึ่งกันและกันอีกด้วย

ห้ามซื้อโทรศัพท์ใช้เองโดยไม่ได้ผ่านการตรวจสอบ
อดีตประธานาธิบดีไม่ต้องกังวลกับการสนทนาทางโทรศัพท์ทุกครั้งที่พวกเขาบันทึกไว้สำหรับการใช้งานสาธารณะ แต่ยังคงต้องปฏิบัติตามกฎบางประการที่เกี่ยวกับการสื่อสารของตนเอง หน่วยสืบราชการลับต้องอนุมัติอุปกรณ์สื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดที่ประธานาธิบดีและอดีตประธานาธิบดีใช้ รวมถึงโทรศัพท์มือถือของพวกเขาด้วย ดังนั้นหากอดีตประธานาธิบดีต้องการใช้ iPhone รุ่นใหม่ล่าสุดพวกเขาต้องให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยใช้ก่อน
อย่าคาดหวังสิทธิพิเศษทางกฎหมาย
เมื่อประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งพวกเขามีอำนาจพิเศษในการอภัยโทษทุกคนในการกระทำความผิดของรัฐบาลกลาง ซึ่งอาจรวมถึงประธานาธิบดีเองด้วย หากพวกเขาต้องถูกตั้งข้อหาอาชญากรรมของรัฐบาลกลางในขณะที่ดำรงตำแหน่งงาน
เมื่อเวลาของพวกเขาในทำเนียบขาวเสร็จสิ้นลง พวกเขาจะถูกจำกัดให้มีสิทธิตามกฎหมายเช่นเดียวกับพลเมือง เว้นแต่พวกเขาจะมีเพื่อนสนิทเป็นประธานาธิบดีคนปัจจุบันที่อาจจะช่วยเหลือได้
สิทธิพักที่ทาวน์เฮาส์ของประธานาธิบดี เมื่อต้องมาทำธุระในวอชิงตัน ดีซี
แม้ว่านี่จะไม่ใช่กฎที่เข้มงวด แต่อดีตประธานาธิบดีจะได้รับการสนับสนุนอย่างมากให้อยู่ในสถานที่ที่เฉพาะเจาะจงเมื่อพวกเขากลับมาที่วอชิงตัน ดีซี
Presidential Townhouse ตั้งอยู่ที่เลขที่ 716 Jackson Place ซึ่งใช้เวลาเดินประมาณ 2 นาทีจากทำเนียบขาว ทาวน์เฮาส์สี่ชั้นแห่งนี้ถูกซื้อโดยรัฐบาลในปี 1950 และกลายเป็นสถานที่สำหรับอดีตประธานาธิบดีนับตั้งแต่ปี 1969 สาเหตุหนึ่งก็เพราะที่เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับอดีตผู้บังคับบัญชาสูงสุดคือ มีห้องเฉพาะในชั้นใต้ดินเพื่อรองรับการทำหน้าที่ของหน่วยสืบราชการลับ

การเกษียณอายุที่ยาวนาน
อดีตประธานาธิบดีมีชีวิตเกษียณที่มากกว่าคนทั่วไปเมื่อพวกเขาออกจากตำแหน่ง ช่วงการเกษียณอายุเฉลี่ยโดยรวมสำหรับอดีตประธานาธิบดีนับตั้งแต่ที่พวกเขาออกจากทำเนียบขาวจนกระทั่งถึงแก่อสัญกรรมเพียง 13 ปี แต่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 22.5 ปีสำหรับทุกคน เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเวลาการเกษียณอายุเฉลี่ยของคนอเมริกันคนอื่นๆ คือประมาณ 18 ปี
“จิมมี่ คาร์เตอร์” มีช่วงชีวิตเกษียณหลังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์โดยเกิดขึ้นในตอนที่เขาอายุเพียง 40 ปี ในขณะที่ “เจมส์ เค. โพล์ก” มีช่วงเกษียณอายุที่สั้นที่สุดโดยมีชีวิตอยู่เพียง 103 วันหลังจากตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาสิ้นสุดในปี พ.ศ. 2392
มีทีมงานเล็กๆ น้อยๆ ให้
ในขณะที่อดีตประธานาธิบดีจะได้รับการจัดสรรเงินให้กับพนักงานทุกปี แต่พวกเขาก็ควรรักษาทีมเล็กๆ นี้ไว้ให้ดี ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจะคุ้นเคยกับการมีพนักงานประมาณ 400 คนและมีงบประมาณประมาณ 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 1,200 ล้านบาท เพื่อจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ทั้งหมดในการเป็นแขนขาเพื่อทำงาน แต่เมื่อออกจากตำแหน่งแล้วจะได้รับงบประมาณเพียง 96,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 2.8 ล้านบาทต่อปี เพื่อเป็นเงินเดือนทีมงานของเขาที่ยังทำงานอยู่ด้วยอย่างผูกพันเหนียวแน่น

เป็นตัวแทนของสหรัฐอเมริกาในภารกิจต่างประเทศ
อดีตประมุขแห่งรัฐจะได้รับสิทธิ์การเป็นตัวแทนรัฐบาลในฐานะทูตสันถวไมตรีตลอดชีวิต และสามารถเดินทางไปทั่วโลกเพื่อเป็นตัวแทนของสหรัฐในภาระกิจด้านต่างประเทศ และพวกเขาจะได้รับงบประมาณที่เหมาะสมในดำเนินภารกิจต่างๆ
ทุกๆ ปีอดีตประธานาธิบดีจะได้รับเงินสนับสนุนจากผู้เสียภาษีจำนวน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 30 ล้านบาท เพื่อใช้เฉพาะสำหรับการเดินทางในขณะที่คู่สมรสของพวกเขาได้รับการจัดสรร 500,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 15 ล้านบาท เพื่อวัตถุประสงค์เดียวกัน
และเพื่อให้การเดินทางระหว่างประเทศเป็นเรื่องง่าย อดีตประธานาธิบดีทุกคนต้องมีหนังสือเดินทางทางการทูต ซึ่งหมายความว่าพวกเขาไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมและสามารถเข้าประเทศต่างๆ ได้ง่ายโดยไม่ต้องไปปะปนกับผู้ถือพาสปอร์ตทั่วไป
อย่าเปิดเผยความลับทางราชการ
อดีตประธานาธิบดีเป็นตัวแทนของความท้าทายที่อาจเป็นอันตรายสำหรับหน่วยข่าวกรองอเมริกัน โดยธรรมชาติของงานพวกเขามีข้อมูลที่มีค่ามากมายอยู่ในหัว ซึ่งทำให้พวกเขาตกเป็นเป้าหมายในการต่อต้านรัฐบาลเพื่อใช้ประโยชน์ หรือพยายามที่จะจ่ายเงินใต้โต๊ะล้วงเอาข้อมูลในสิ่งที่พวกเขารู้
เมื่อประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งพวกเขาจะสามารถแยกประเภทและแบ่งปันข้อมูลของรัฐบาลที่ต้องการได้โดยไม่ต้องรับโทษ อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขากลายเป็นอดีตประธานาธิบดีมันถือว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมายที่พวกเขาจะแบ่งปันข้อมูลลับที่พวกเขาเองไม่ได้แยกประเภทในขณะดำรงตำแหน่ง
ศักยภาพในการสร้างรายได้อย่างสูง
ในขณะที่ประธานาธิบดีได้รับเงินเดือน 400,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 12 ล้านบาท ระหว่างอยู่ในตำแหน่งหน้าที่การงานอันแสนหนักหน่วง แต่มันทำให้พวกเขามีโอกาสเปิดช่องทางการทำเงินได้มากขึ้นเมื่อสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งแล้ว
โดยในช่วง 4 ปีแรกหลังจากที่ออกจากตำแหน่ง “จอร์จ ดับเบิลยู บุช” ทำเงินได้ประมาณ 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 450 ล้านบาท จากการไปบรรยายและกล่าวสุนทรพจน์เพียงอย่างเดียว
ตามรายงานของ CNN ระบุว่า “บิล คลินตัน” ได้รับเงินล่วงหน้า 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 450 ล้านบาทสำหรับการเขียนหนังสืออัตชีวประวัติของเขาและได้รับเงินมากกว่า 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 2,250 ล้านบาท จากการไปบรรยายและกล่าวสุนทรพจน์ระหว่างปี 2544 – 2555

อย่าคาดหวังกับจดหมายส่วนตัวใด ๆ
เช่นเดียวกับการอนุมัติอุปกรณ์สื่อสารของอดีตประธานาธิบดี หน่วยสืบราชการลับยังได้รับมอบหมายให้ตรวจสอบจดหมายของพวกเขาด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย หมายความว่าแนวคิดใดๆ เกี่ยวกับการติดต่อส่วนตัวทางไปรษณีย์แบบดั้งเดิมถือเป็นเรื่องตลก หน่วยงานจะตรวจสอบจดหมายทุกฉบับที่อดีตประธานาธิบดีได้รับจากภายนอกเพื่อความปลอดภัย
ได้รับเงินสนับสนุนสร้างสำนักงานใหม่
แม้ว่าจะไม่ใช่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาวอีกต่อไป แต่อดีตประธานาธิบดีทุกคนจะได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการสำนักงานใหม่โดยเป็นไปตามรัฐบัญญัติอดีตประธานาธิบดี กฎหมายครอบคลุมไปถึงการจ่ายค่าเช่าสำหรับสำนักงานของอดีตประธานาธิบดี โดยแต่ละคนสามารถเลือกทำเลที่ตั้งว่าจะอยู่ที่ใดก็ได้ในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังมีงบประมาณสำหรับพนักงาน อุปกรณ์ และเครื่องใช้สำนักงานให้อีกด้วย
ในปีงบประมาณ 2018 “บิลคลิน ตัน” และ “จอร์จ ดับเบิลยู บุช” มีสำนักงานที่แพงที่สุดในบรรดาอดีตประธานาธิบดีที่ยังมีชีวิตอยู่โดยแต่ละคนได้รับเงินลงทุนมากกว่า 440,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 13 ล้านบาท สำหรับสัญญาเช่าเพียงอย่างเดียว ในขณะเดียวกันค่าเช่าสำนักงานมูลค่า 112,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 3.55 ล้านบาท
สามารถจัดตั้งห้องสมุดและพิพิธภัณฑ์ประธานาธิบดี
อีกวิธีหนึ่งที่อดีตประธานาธิบดีได้รับมอบหมายให้จัดการกับมรดกของตัวเองและเก็บบันทึกอย่างเป็นทางการเพื่อสาธารณะประโยชน์คือ การสร้างห้องสมุดประธานาธิบดี วิธีการเก็บข้อมูลการสื่อสารที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ ถูกสร้างขึ้นโดย “แฟรงคลิน รูสเวลต์” ในปี พ.ศ. 2484 หลายปีหลังจากที่เขาทำงานเพื่อผ่านรัฐบัญญัติหอจดหมายเหตุแห่งชาติในปี พ.ศ. 2477 ตั้งแต่นั้นมาอดีตผู้นำทุกคนได้จัดตั้งห้องสุมดประธานาธิบดีเป็นของตนเอง

ความมั่นคงบางอย่างสำหรับคู่สมรส
รัฐบัญญัติอดีตประธานาธิบดีไม่ได้ครอบคลุมเฉพาะตัวนักการเมืองที่ดำรงตำแหน่งเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคู่สมรสด้วย ในกรณีที่อดีตประธานาธิบดีเสียชีวิตก่อนคู่สมรสคู่สมรสจะมีสิทธิ์ได้รับเงินบำนาญรายปี 20,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 6 แสนบาท ซึ่งผู้เสียภาษีจะได้รับความคุ้มครองด้วย คู่สมรสจะมีสิทธิ์ได้รับเงินบำนาญเพียงเล็กน้อยหากพวกเขาสละเงินบำนาญหรือเงินรายปีอื่นๆ ที่พวกเขาอาจถืออยู่
งานศพรูปแบบรัฐพิธี
ทุกคนที่เคยเป็นประธานาธิบดีจะมีสิทธิ์จัดงานศพแบบรัฐพิธีเมื่อพวกเขาเสียชีวิต นับเป็นงานไว้อาลัยที่ผู้นำทั่วโลกจะเดินทางมาร่วมในวาระสุดท้ายที่เต็มไปด้วยพิธีอันประณีตและการแสดงความคารวะ
.
จะเห็นได้ว่านี่คือชีวิตหลังผ่านพ้นตำแหน่งอดีตผู้นำสหรัฐที่เต็มไปด้วยสิทธิประโยชน์ต่างๆ มากมายที่มาพร้อมกับระเบียบและข้อห้าม ซึ่งก็ถือว่าเป็นชีวิตที่เหนือระดับ สมเกียรติ สมฐานันดร ไปตลอดจนกระทั้งวันสุดท้ายของชีวิต ถ้าใครอยากสัมผัสชีวิตแบบนี้ก็คงมีทางเดียวคือ ต้องเป็นผู้นำประเทศมหาอำนาจอันดับ 1 ของโลก สหรัฐอเมริกาเพียงเท่านั้น
แหล่งอ้างอิง
The Delite
Wikipedia

10 ปีในอาชีพสื่อมวลชน ทั้งเบื้องหน้าและภาคสนาม วิ่งข่าวมาแทบทุกสาย แต่ลงเอยด้วยความชอบสายเศรษฐกิจ และต่างประเทศ เพราะโลกของข่าวสารไม่ได้อยู่ไกลเกินปลายนิ้วมือ อัพเดตมุมมอง ลงลึกในข้อมูลของทุกข่าวสารที่ทั่วโลกให้ความสนใจ และอยากให้คุณสนใจ